กลายเป็นเรื่องราวความประทับใจไปทั่วทั้งสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้เล่าเรื่องความความประทับใจของหญิงวัย 83 ปี ที่เป็นแบบอย่างการใช้ชีวิตให้กับลูกหลาน แม้ว่าจะมีลูกชายเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ในขณะนั้น) และมีลูกเขยเป็นถึงระดับผู้บริหารโรงพยาบาลรัฐชื่อดัง
โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Narutat Chareonsedtasin ได้โพสต์ว่า
คุณแม่ผมอายุ 83 ยังเท่ห์เหมือนลูกๆ สอนลูกๆ เป็นหมอทุกคน ยกเว้นผมเมื่อวานได้นั่งทานข้าวกัน ผมรู้สึกภูมิใจ ในตัวแม่มาก แกเล่าว่าเมื่อหลายเดือนก่อน แกต้องไปพบหมอ ที่รามา ซึ่งมีลูกเป็นหมอใหญ่ที่รามา มีลูกเป็นรัฐมนตรีศึกษา(หมอธีระเกียรติ) แกไปนั่งรอคิว เกือบ 2 ชั่วโมงพยาบาลบอกคุณแม่ลัดคิวมานั่งนี้ได้เลย คุณแม่บอกไม่ดีกว่า อายเขา คนรอเยอะ ทุกคน มีสิทธิ์เท่ากัน เพื่อรอหมอตรวจ
ระหว่างนั่งรอ แกเล่าว่า มีข่าวในโทรทัศน์ พูดถึง รมว.ศึกษา ปราบโกง มีผู้หญิงสูงอายุ นั่งข้างๆคุณแม่ บอกว่า รมว. เป็นคนดีมากนะเจ๊ คุณแม่ผมหันไปมองหน้าเขา แล้วบอกว่า จนด้วย แต่เขาภูมิใจที่ลูกเป็นแบบนี้ ผู้หญิงท่านนั้น หันมาถามแม่ว่า เจ๊ รู้ได้ไง จน แม่ตอบทันทีว่า ก็เขาเป็นลูกอั๊ว ผู้หญิงท่านนั้นหันมาหาแม่ แล้ว บอกว่า เจ๊นี้ท่าจะบ้า ทำหน้าหัวเราะเยอะ แล้วบอกว่ามาติ๊ต่างว่ารมว.เป็นลูกได้ไง ถ้าเป็นแม่ รมว. ต้องมานั่งรอคิวหรอ แล้วก็เดินหนีไป ผมถามแม่ว่า คิดยังไง อายมั้ย แม่บอกว่า ดีใจทุกคนต้องทำตัวเท่าเทียมกัน สุดยอดครับ แม่ อยากให้คนใหญ่คนโต หัวโขน มีความคิดแบบนี้สักเสี้ยว
ทั้งนี้ นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ นักธุรกิจชาวเชียงใหม่ วัย 51 ปี ยังได้เล่าเสริมอีกว่า เป็นน้องชายของนายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เล่าว่า ขณะนั่งทานข้าวกับแม่ ในวันแม่แห่งชาติที่ผ่านมา ซึ่งคุณแม่เล่าให้ฟังว่า เมื่อเดือนมกราคม ไปรอคิวตรวจสุขภาพ ที่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งพี่เขยทำงานอยู่ ตั้งแต่เช้ามืด รอคิวนาน 2 ชั่วโมง มีพยาบาลมาขอลัดคิวให้ แต่แม่ปฏิเสธไป
กระทั่ง หญิงคนหนึ่งที่มาตรวจสุขภาพเหมือนกัน บังเอิญกล่าวชื่นชมรัฐมนตรี ที่กำลังเป็นข่าว ปราบโกง ในโทรทัศน์ แม่เลยเอ่ยปากว่า เป็นแม่ของรัฐมนตรีคนดังกล่าว หญิงคนดังกล่าว หัวเราะ บอกท่าจะบ้า สติไม่ดี เพราะหากมีลูกเป็นรัฐมนตรีจริง จะมานั่งรอคิวทำไม ซึ่งแม่ไม่รู้สึกโกรธอะไร แถมภูมิใจ เพราะทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ นายนฤทัต บอกว่า รู้สึกภาคภูมิใจ และประทับใจแม่มาก จึงแชร์เรื่องราวนี้เพื่อแบ่งปันให้สังคมได้รับรู้
ขอบคุณเฟซบุ๊ก Narutat Chareonsedtasin
No comments: